แต่การลงทุนจัดการทั้งค่าแรง ค่าปุ๋ยในแต่ละปี แทบไม่คุ้มการลงทุน จึงโค่นต้นเงาะออก แล้วเปลี่ยนมาปลูกปาล์มน้ำมันแต่ขณะที่รอให้ปาล์มน้ำมันโต สังเกตเห็นหน้าสนามวัวชนมักจะมีชาวบ้านนำหญ้าหวายข้อมาขายกระสอบละ 150-200 บาท ขนมาเท่าไรขายได้หมด จึงมีความคิดอยากลองปลูกบ้าง จึงไปขอคำแนะนำจากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สุราษฎร์ธานี พร้อมกับซื้อพันธุ์หญ้าหวายข้อจากกลุ่มผู้เลี้ยงวัวชน จ.นครศรีธรรมราช 2 ตัน นำมาปลูกในพื้นที่ 3 ไร่ ปรากฏว่าทำรายได้ดีกว่าทำสวนเงาะที่ทำรายได้แค่ปีละครั้ง แต่ตัดหญ้าขายทำได้ปีละหลาย 7-8 ครั้ง ทำเงินได้ครั้งละ 15,000 บาทเกรียงไกร บอกว่า เนื่องจากการปลูกหญ้าหวายข้อในพื้นที่ว่างระหว่างร่องปาล์ม จากเดิมเคยปลูกเงาะมา ดังนั้นก่อนปลูกจึงต้องใส่ปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 อัตราไร่ละ 50 กก. นำไปหว่านในพื้นที่ว่าง ระหว่างต้นปาล์ม ในอัตราไร่ละ 600 กก.“สิ่งสำคัญในการปลูกต้องใช้ท่อนพันธุ์จำนวนมาก เพราะต้องปลูกให้แน่เพื่อยอดหญ้าหวายข้อจะได้ชี้ขึ้นฟ้า จะง่ายต่อการเก็บเกี่ยวตัดหญ้าไป หากใช้ท่อนพันธุ์น้อย ปลูกห่างกัน จะทำให้ยอดหญ้าเลื้อยเหมือนผักบุ้ง การเก็บเกี่ยวจะทำได้ยาก”เกรียงไกร อธิบายถึงวิธีการปลูกต่อไปอีกว่า หลังลงท่อนพันธุ์ทุก 3 วัน ให้น้ำผ่านระบบสปริงเกอร์ 3 ชม.ต่อครั้ง เมื่อหญ้าอายุได้ 35 วัน ใส่ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 จำนวนไร่ 10 กก. เพื่อเร่งให้โปรตีนสูง โดยหญ้ารุ่นแรกสามารถตัดขายได้เมื่ออายุ 60 วัน บรรจุกระสอบละ 25 กก. นำไปขายที่สนามชนวัวได้กระสอบละ 120-150 บาท หลังจากตั้งหญ้าหมด ใส่ปุ๋ยในอัตราเหมือนครั้งแรก ส่วนการตัดหญ้าหวายข้อครั้งต่อไปจะตัดทุกๆ 40-45 วัน เพราะเป็นช่วงที่หญ้าหวายข้อมีโปรตีนมากที่สุด จึงเพราะเหมาะนำมาใช้เลี้ยงวัวชนและจากพื้นที่ทดลองปลูก 3 ไร่ ปัจจุบัน เกรียงไกร ได้ขยายพื้นที่ปลูกไปอีก 20 ไร่ และในวันข้างหน้า หากราคาปาล์มน้ำมันยังคงสภาพอยู่เช่นนี้อีก จะปรับพื้นที่ปลูกปาล์มมาเป็นหญ้าหวายข้อทั้งหมด

ติดตาม โปรแกรมวัวชน ผลวัวชน ข่าวสาร รวดเร็วก่อนใครได้ที่เพจเฟสบุ๊ค สืบสานวัวชน หรือแอดมาที่ @Bullfight888